วันจันทร์ที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

บทความที่ชอบ


ก่อนที่จะมองการณ์ไกลควรมองการณ์ใกล้ให้ชัดเสียก่อน
(วงศ์ทะนง  ชัยณรงค์สิงห์ : No more no less )
                หลายปีที่ผ่านมามีคนหอบความฝันมาขอพูดคุยกับผมมากมาย ซึ่งผมก็ยินดี เพราะผมเป็นคนที่ให้ค่ากับความใฝ่ฝันอยู่แล้ว แต่น่าเสียดายที่ความฝันของพวกเขา ส่วนใหญ่(มากกว่าครึ่ง) เป็นความฝันประเภทฟุ้งๆ และบางอันก็ออกจะเฟื่องๆ น้อยคนจะฝันอย่างมีเหตุผลและมีความเป็นไปได้
                ผมเข้าใจว่าสาเหตุก็เพราะพวกเขายังไม่เข้าใจความฝันของตนเองดีพอ ซึ่งอาจโยงไปถึงว่าพวกเขายังไม่เข้าใจตัวเองดีพอก็เป็นได้ คนจำนวนมากอยากเป็นอย่างคนอื่นอยากทำอย่างคนอื่น อยากประสบความสำเร็จเหมือนที่ใครบางคนทำได้ แต่ไม่เคยประเมินต้นทุนความสามารถของตัวเองเลย ว่าทำอะไรได้บ้าง ทำอะไรไม่ได้บ้าง ไม่นับปริมาณความรักจริงเอาจริงว่ามีมากพอเท่าเขาไหม ส่วนใหญ่เรามักมองคนที่ประสบความสำเร็จที่ปลายทางของเขาเป็นบรรทัดสุดท้าย แต่ไม่ค่อยมองย้อนกลับไปว่า กว่าจะมีวันนี้ได้ คนคนนั้นต้องล้มลุกคลุกคลานหรือผ่านร้อนผ่านหนาวมาอย่างไร
                ข้อสังเกตอีกอย่างคือ นักฝันหลายคนใจร้อนอยากประสบความสำเร็จเร็วๆ เรียกว่าฝันวันนี้แล้วอยากเห็นตัวเองสำเร็จพรุ่งนี้มะรืนนี้เลย นั้นเป็นที่มาที่ทำให้พวกเขาไม่ค่อยอดทน เวลาพบเจออุปสรรคเล็กๆ น้อยๆขวางหน้าก็ยอมแพ้ไม่เอาแล้ว จะว่าไปธาตุความอดทนนี้สำคัญนะครับ หลายคนประสบความสำเร็จหรือไม่ วัดกันที่ใครยืนระยะได้นานกว่ากันนี่ล่ะ
                เวลาเจอใครฝันเฟื่อง ผมจะช่วยตบๆ ความฝันจองเขาให้เข้าที่ โดยซักถามถึงความรู้จริงถ่องงแท้ในสิ่งที่เขาอยากทำ ถ้าข้อนี้ผ่าน ผมจะยกตัวอย่างอุปสรรคปัญหาให้เขาลองแก้ไขจินตนาการความยากลำบากให้เขาลองหาทางจัดการกับมันดู ไม่ได้อยากให้เสียกำลังใจหรอก ผมเพียงอยากให้เขาฝันบนพื้นฐานของความจริงซึ่งเป็นเรื่องสำคัญ พิบูลศักดิ์ ละครพล นักเขียนคนหนึ่งที่ผมชื่นชอบ เคยเขียนไว้ว่า “ฝัน ฉันฝันทุกวันที่มีชีวิตอยู่ เวลาได้บอกกับฉันว่า จงจุดความฝันขึ้นบนความจริง”
                จริงอยู่ว่าคนเราควรฝันให้ไกลแล้วไปให้ถึง ซึ่งการที่จะไปให้ถึงจุดหมายที่มุ่งหวังนั้นเราต้องมีความเข้าใจในเส้นทางที่จะไปพอสมควร ผมถึงบอกว่า ก่อนที่จะมองการณ์ไกลเราควรมองการณ์ใกล้ให้ชัดเสียก่อน และก่อนที่จะข้ามขั้นไปคิดการใหญ่ ลองทดสอบตัวเองด้วยคิดการเล็กก่อนดีไหม

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

                บทความนี้ทำให้ฉันได้ย้อนมามองที่ตัวเองว่า ตอนนี้เรามีต้นทุนอะไรบ้าง ทำอะไรได้บ้าง พอไหมที่จะทำฝันให้เป็นจริง  ซึ่งก็พบว่าฉันยังตั้งใจไม่มากพอ ยังมีความอดทนไม่มากพอ ที่จะทำฝันให้เป็นจริง ซึ่งประโยคที่โดนใจที่สุดในบทความนี้ก็คือ “ส่วนใหญ่เรามักมองคนที่ประสบความสำเร็จที่ปลายทางของเขาเป็นบรรทัดสุดท้าย แต่ไม่ค่อยมองย้อนกลับไปว่า กว่าจะมีวันนี้ได้ คนคนนั้นต้องล้มลุกคลุกคลานหรือผ่านร้อนผ่านหนาวมาอย่างไร” เหมือนเป็นการสะกิดเตือนใจให้เรารู้ว่า การที่จะประสบความสำเร็จแต่ละอย่างนั้น ต้องผ่านอุปสรรคต่างๆ มากมาย ฉะนั้นเมื่อคนเรามีความฝันแล้ว ควรจะตั้งใจทำวันนี้ ปัจจุบันนี้ให้ดีที่สุด

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น